การใช้คำสั่งพื้นฐานในงานเขียนแบบสัญลักษณ์ทางไฟฟ้า ( ส่วนที่ 2 )
การใช้คำสั่งพื้นฐานในงานเขียนแบบสัญลักษณ์ทางไฟฟ้า
( ส่วนที่ 2 )
หัวข้อเรื่อง
4.1 กลุ่มคำสั่งการเขียนวงกลม
4.2 คำสั่งเขียนวงรี
4.3 กลุ่มคำสั่งการเขียนรูปหลายเหลี่ยม
4.3 กลุ่มคำสั่งการกำหนดจุด
4.4 คำสั่ง Hatch
4.5 กลุ่มคำสั่งเสริมในการเขียนภาพ
สาระสำคัญ
1. กลุ่มคำสั่ง
ARC,CIRCLE,DONUT คือกลุ่มคำสั่งที่ใช้เขียนส่วนโค้ง วงกลมและวงแหวน
2. กลุ่มคำสั่ง ELLIPSE,RECTANGEN คือกลุ่มคำสั่งที่ใช้เขียนวงรี
และรูปสี่เหลี่ยม
3. คำสั่ง Point เป็นคำสั่งที่ใช้ในการกำหนดจุด
4. คำสั่ง Hatch ใช้สำหรับเขียนลวดลาย
5. กลุ่มคำสั่งเสริมในการเขียนภาพ เช่น
- คำสั่ง Zoom ใช้ในการย่อหรือขยายภาพ
-
กลุ่มคำสั่งการลบวัตถุ เช่น คำสั่ง Erase เป็นคำสั่งที่ใช้ในการลบ
ส่วน Undo คือคำสั่งที่ใช้
ในการเรียกคำสั่งเดิมคืนมา
-
คำสั่ง Text
ใช้สำหรับการเขียนตัวอักษร
จุดประสงค์การเรียนรู้
เมื่อผู้เรียน เรียนจบหน่วยการเรียนรู้แล้ว ผู้เรียนสามารถ
1.
สามารถเขียนแบบตามใบงานที่กำหนดโดยใช้คำสั่ง
กลุ่ม วงกลมได้
2.
ใช้คำสั่งการเขียนวงรีและรูปหลายเหลี่ยมในงานเขียนแบบได้
3. สามารถใช้กลุ่มคำสั่ง Point กำหนดจุดในแบบ
และสามารถเลือกแบบต่างของจุดได้
4. ประยุกต์ใช้คำสั่งที่อยู่ในกลุ่มคำสั่ง Point ประยุกต์ใช้ในการเขียนแบบได้
4. ประยุกต์การใช้คำสั่ง Zoom ในงานเขียนแบบได้
5. สามารถประยุกต์ใช้คำสั่ง Hatch
ประยุกต์ใช้ในงานเขียนแบบได้
สมรรถนะ
เมื่อผู้เรียน
เรียนจบหน่วยการเรียนรู้แล้ว ผู้เรียนจะเกิดสมรรถนะในด้าน
ความรู้
และความเข้าใจคำสั่งพื้นฐานที่ใช้ในการเขียนแบบ
ทักษะในการปฏิบัติการเขียนแบบโดยใช้คำสั่งพื้นฐาน
กิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน
1. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน /หลังเรียนหน่วยที่4
2. ศึกษาใบเนื้อหาหน่วยที่ 4
3. ปฏิบัติกิจกรรมตามใบงานที่ 4
4. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน /หลังเรียนหน่วยที่ 4
5. แบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
กิจกรรมครู
1. แจกแบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียนหน่วยที่ 4
2.
นำเข้าสู่บทเรียน
3. บรรยายและสาธิตเนื้อหาสาระการเรียนรู้หน่วยที่
4
4. แจกแบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียนหน่วยที่ 4
สื่อการเรียนการสอน
1. ใบความรู้หน่วยที่ 4
2.
ใบงานที่ 4
3. แผ่นใสหน่วยที่ 4
4. CAI
5. โปแกรม ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียน
แบบไฟฟ้าด้วยคอมพิวเตอร์
6. ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
1. คำสั่ง ARC คือคำสั่งที่ใช้ในการเขียนส่วนโค้ง
ส่วนโค้งคือส่วนหนึ่งของเส้น
รอบวงของวงกลม
ภาพที่ 4.1 แสดงส่วนต่าง ๆ ของส่วนโค้ง
การเขียนส่วนโค้งมีอยู่หลายวิธีซึ่งขึ้นอยู่กับการกำหนดจุดที่จะให้ส่วนโค้งนั้นผ่าน
ที่สำคัญที่สุดคือให้ส่วนโค้งผ่านจุด 3 จุด การกำหนดจุดผ่านและองค์ประกอบอื่น
ๆ มีดังนี้
|
ตารางที่
4.1 การเข้าสู่คำสั่งArc
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
|
Drawn>Arc
|
Arc หรือA
|
-
|
สำหรับรายละเอียดของการกำหนดจุดเพื่อใช้ในการสร้างเส้นโค้งด้วยคำสั่ง
Arc มีดังนี้
· 3 point (กำหนด จุด 3 จุด )
เป็นการเขียนเส้นโค้งผ่านจุดต่าง ๆ 3 ตำแหน่ง
|
·
Start , Center, End (จุดตั้งต้น, จุดศูนย์กลาง ,จุดปลาย)
เป็นการเขียนเส้นโค้งที่เกิดจากการกำหนดจุดเริ่มต้นโค้งและจุดศูนย์กลางโค้งเพื่อสร้างเป็นระยะรัศมีในการเขียนโค้งจนถึงจุดสิ้นสุดโค้งที่กำหนด
เช่น การเขียนเส้นโค้งของถนน
|
·
Start ,
Center, Angle ( จุดตั้งต้น , จุดศูนย์กลาง , มุม ) เป็นการเขียนเส้นโค้งที่เกิดจากการกำหนดจุดเริ่มต้นโค้งและจุดศูนย์กลางโค้ง
เพื่อสร้างเป็นระยะรัศมีในการเขียนส่วนโค้ง โดยมุมที่ใช้สำหรับการเขียนเส้นโค้งจะอ้างอิงจากทิศทางที่เรากำหนดตั้งแต่เริ่มต้นเขียนแบบ
|
· Start ,
Center, Length (จุดตั้งต้น
, จุดศูนย์กลาง , ความยาว ) เป็นการเขียนเส้นโค้งที่เกิดจากการกำหนดจุดเริ่มต้นโค้งและจุดศูนย์กลางโค้ง
แล้วกำหนดความยาวคอร์ดของวงกลมที่ต้องการจะเกิดเส้นโค้งที่เขียนจากจุดเริ่มต้นโค้งถึงปลายคอร์ด
|
·
Start ,
End, Angle (จุดตั้งต้น , จุดปลาย, มุม
) เป็นการเขียนเส้นโค้งที่เกิดจากการกำหนดจุดเริ่มต้นโค้งและจุดศูนย์สิ้นสุดโค้ง โดยมุมที่ใช้สำหรับการเขียนเส้นโค้งจะอ้างอิงจากทิศทางที่เรากำหนดตั้งแต่เริ่มต้นเขียนแบบ
|
· Start ,
End, Radius (จุดตั้งต้น
, จุดปลาย,รัศมี) เป็นการเขียนเส้นโค้งที่เกิดจากการกำหนดจุดเริ่มต้นโค้งแล้วกำหนดรัศมีที่ใช้ในการเขียนโค้งจากจุดเริ่มต้นมายังจุดสิ้นสุด
|
·
Start , End, Direction (จุดตั้งต้น , จุดปลาย,ทิศทาง)
เป็นการเขียนเส้นโค้งที่เกิดจากการกำหนดจุดเริ่มต้นโค้งและทิศทางของเส้นตรงที่สัมผัวโค้ง
ณ จุดเริ่มต้น
|
· Center, Start, End (จุดกึ่งกลาง, จุดเริ่มต้น,จุดปลาย) เป็นการเขียนเส้นโค้งที่เกิดจากการกำหนดจุดศูนย์กลางและจุดเริ่มต้นโค้งเพื่อสร้างเป็นระยะรัศมีที่ใช้ในการเขียนเส้นโค้งโดยมีทิศทางการเขียนแบบทวนหรือตามเข็มนาฬิกาที่เรากำหนดตั้งแต่เริ่มต้นเขียนแบบจนถึงจุดที่กำหนดตั้งแต่เริ่มเขียนแบบจนถึงจุดสิ้นสุดโค้งที่กำหนด
|
· Center, Start, Angle(จุดกึ่งกลาง,
จุดเริ่มต้น,มุม) เป็นการเขียนเส้นโค้งที่เกิดจากการกำหนดจุดศูนย์กลางและจุดเริ่มต้นโค้งเพื่อสร้างเป็นระยะรัศมีที่ใช้ในการเขียนเส้นโค้งโดยมุมที่ใช้สำหรับการเขียน เส้นโค้งจะอ้างอิงจากทิศทางที่เรากำหนดตั้งแต่เริ่มเขียนแบบ
|
·
Center, Start, Length (จุดกึ่งกลาง, จุดเริ่มต้น,ความยาว
) เป็นการเขียนเส้นโค้งที่เกิดจากการกำหนดจุดศูนย์กลางและจุดเริ่มต้นโค้ง
เพื่อสร้างเป็นระยะรัศมีที่ใช้ในการเขียนเส้นโค้ง แล้วกำหนดความยาวคอร์ดของวงกลมที่ต้องการ จะเกิดเส้นโค้งที่เขียนจากจุดเริ่มต้นโค้งถึงปลายคอร์ด
|
· Continue
ใช้สำหรับเขียนเส้นโค้งเดิม
โดยใช้จุดสิ้นสุดของโค้งเดิมเป็นตุดเริ่มต้นโค้งและมีจุดศูนย์กลางโค้งตามแนวเดียวกับเส้นโค้งเดิม เพียงกำหนดจุดสิ้นสุดโค้งก็จะเกิดโค้งใหม่ขึ้น
|
หมายเหตุ วิธีเลือกการใช้คำสั่งในแต่ละรูปแบบนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของงานว่าต้องการอย่างไร
2.
คำสั่ง
Circle คือคำสั่งที่ใช้เขียนวงกลม
สามารถกำหนดวิธีการสร้างวงกลมได้ 6 วิธี
โดยทุกวิธีสามารถเลือกได้จากการเข้าสู่คำสั่ง จาก Tool bar Pull-down Menu การเข้าสู่คำสั่ง Circle
สามารถเข้าดังนี้
ตารางที่ 4.2 การเข้าสู่คำสั่ง CIRCLE
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
|
Drawn>Circle
|
CIRCLE หรือ C
|
-
|
วิธีการสร้างวงกลมด้วยการกำหนดจุดต่างๆ
ได้ 6 วิธี ดังนี้
· Center, Radius (จุดศูนย์กลาง ,รัศมี) เป็นการเขียนวงกลมด้วยการกำหนดจุดศูนย์กลางและรัศมี
|
· Center, Diameter (จุดศูนย์กลาง ,เส้นผ่าศูนย์กลาง) เป็นการเขียนวงกลมด้วยการกำหนดจุดศูนย์กลางและเส้นผ่าศูนย์กลาง
|
· 2 point (กำหนดจุด 2 จุด) เป็นการเขียนวงกลมด้วยการกำหนดตำแหน่งที่ต้องการให้วงกลมผ่าน
2 จุด
|
· 3
point (กำหนดจุด 3
จุด) เป็นการเขียนวงกลมด้วยการกำหนดตำแหน่งที่ต้องการให้วงกลมผ่าน 3 จุด
|
·
Tan,Tan,Raduis
(กำหนด จุดสัมผัส
2 จุด และรัศมี )
เป็นการเขียนวงกลมด้วยการกำหนดตำแหน่งที่ต้องการให้วงกลมสัมผัส
2 จุดและความยาวของรัศมี
|
·
Tan,Tan,Tan (กำหนด จุดสัมผัส
3 จุด) เป็นการเขียนวงกลมด้วยการกำหนดตำแหน่งที่ต้องการให้วงกลมสัมผัส 3 จุด
|
3. การเขียนรูปวงแหวน (Donut
หรือ Doughnut)
รูปวงแหวนคือรูปวงกลมทึบที่มีรูอยู่ตรงกลาง
หรือสามารถทำให้เป็วงกลมทึบได้โดยต้อง
กำหนดให้รัศมีวงกลมในมีค่าเป็น 0 การเข้าสู่คำสั่ง Donut และสามารถควบคุม Fill เพื่อเติม
เส้นลงในพื้นที่ระหว่างวงกลมสองวง สามารถเข้าเข้าคำสั่ง Donut ดังนี้
ตารางที่ 4.3 การเข้าสู่คำสั่ง Donut
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
|
Drawn> Donut
|
Donut
|
-
|
ตัวอย่างที่ 2
การสร้างวงแหวน ทั้งแบบทึบและแบบเติมเส้น
วิธีสร้างวงแหวนวง
ก.
|
วิธีสร้างวงแหวนวงที่ 2
วิธีสร้าง
วงแหวนวงภาพ ข.
ส่วนภาพ
ค.และภาพ ง. จะกำหนดเหมือนภาพ ก และภาพ
ข.แต่จะมีการควบคุม Fill
เพื่อเติม
เส้นลงในพื้นที่ระหว่างวงกลมสองวง
ซึ่งเข้าสู่การควบคุมด้วยการสั่งงานที่ Command Line ดังนี้
|
คำสั่ง Ellipse คือคำสั่งที่ใช้เขียนวงรี วงรีจะมีแกนอยู่ 2 แกน คือแกนยาวเรียกว่า Major axis และแกนสั้น เรียกว่า
Minor axis จุดที่แกนทั้งสองตัดกันเรียกว่าจุดศูนย์กลาง
(Center) ภาพที่ 4.19 แสดงส่วนประกอบของวงรี
|
การเข้าสู่คำสั่ง Ellipse สามารถเข้าดังนี้
ตารางที่ 4.4 การเข้าสู่คำสั่ง Ellipse
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
|
Drawn> Ellipse
|
Ellipse
|
-
|
วีธีสร้างวงรีมี 3 รูปแบบดังนี้
1. การเขียนวงรีโดยใช้คำสั่ง
Ellipse Center
ตัวอย่างที่ 3 การสร้างวงรี แบบ Center
1)
เลือกเมนู
Draw>Ellipse>center หรือ Tool bar
2)
ที่ Command
Window ป้อนค่าพิกัดจุดศูนย์กลางของวงรี
เช่นเท่ากับ 3,2
กด<Enter>
3)
ที่ Command
Window ป้อนค่าระยะรัศมีของแกนที่
1 เป็นโคออร์ดิเนตแบบ Relative เช่นเท่ากับ @ 6<0 กด <Enter>
4)
ที่ Command
Window ป้อนค่าระยะรัศมีของแกนที่
2 เช่นเท่ากับ 3 กด <Enter>
ภาพที่ 4.21 แสดงกรสร้างของวงรีโดยกำหนดจากจุดกึ่งกลางเป็นจุดเริ่มต้น
2.
การเขียนวงรีโดยใช้คำสั่ง Axis ,End
เป็นวงรีที่เกิดขึ้นจากการกำหนดจุดปลายของ
แกนทั้งที่ 1 และจุดสุดท้ายคือ ระยะจากจุดศูนย์กลางถึงจุดปลายของวงรีแกนที่ 2
ตัวอย่างที่ 4 การสร้างวงรี แบบ Axis ,End
1) เลือกเมนู
Drawn>Ellipse >Axis, End
หรือเรียก Tool bar
2)
ที่ Command
Lineป้อนค่าพิกัดที่ปลายที่1 ของแกนที่1
เช่นเท่ากับ 2,4 กด <Enter>
3)
ที่ Command
Windows ป้อนค่าพิกัดที่ปลายที่
2 ของแกนที่ 1 เป็นโคออร์ดิเนตแบบ Relative เช่นเท่ากับ
@8<0 กด <Enter>
4)
ที่ Command
Windows ป้อนค่ารัศมี
ของแกนที่ 2 เช่นเท่ากับ
3 กด <Enter>
|
3.
การเขียนส่วนโค้งวงรี เป็นการสร้างเส้นโค้งที่มีพื้นฐานการสร้างมาจากรูปวงรี เริ่มจากสร้างวงรีโดยกำหนดจุดปลายแกนทั้ง 2
ด้าน ของแกนวงรีแกนที่ 1 และจุดสุดท้ายคือ
ระยะจาก
จุดศูนย์กลางถึงจุดปลายของแกนวงรีแกนที่ 2 จะได้วงรี สำหรับเส้นโค้งที่เกิดจากการกำหนดจุดเริ่มต้นโค้งและสิ้นสุดบนเส้นรอบรูปวงรี
ตัวอย่างที่5 การสร้างวงรีแบบ Arc
1) เลือกเมนู
Drawn>Ellipse >Arc หรือเรียก Tool bar
2)
คลิกที่จุดที่ 1
เพื่อกำหนดจุดเริ่มต้นแกนที่
1
3)
กำหนดจุดที่
2 เพื่อกำหนดจุดปลายของแกนที่ 1
4)
กำหนดจุดที่ 3 เพื่อกำหนดความยาวของรัศมี
แกนที่ 2
5)
กำหนดจุดที่ 4
เพื่อกำหนดมุมเริ่มต้นของส่วนโค้งวงรี
6)
กำหนดจุดที่ 5
เพื่อกำหนดมุมสุดท้ายของส่วนโค้งวงรี
|
1. กลุ่มคำสั่งการเขียนรูปหลายเหลี่ยม
1.1 คำสั่ง Rectangle (รูปสี่เหลี่ยม ) คือการใช้คำสั่งในการวาดรูปสี่เหลี่ยม จัตุรัสหรือ
สี่เหลี่ยมผืนผ้า
การเข้าสู่คำสั่ง Rectangle
สามารถเข้าดังนี้
ตารางที่ 4.5 การเข้าสู่คำสั่ง Rectangle
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
|
Drawn > Rectangle
|
Rec/Rectangle
|
-
|
ซึ่งเมื่อเข้าไปในคำสั่งแล้วจะมีทางเลือกของคำสั่งดังนี้
|
·
Chamfer เป็นการสร้างสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมตัด
โดยกำหนดมุมตัดที่ 1
และ 2 ตามต้องการ
·
Elevation เป็นการสร้างสี่เหลี่ยมผืนผ้าของภาพ
3 มิติ สามารถกำหนดระดับความสูงจาก
แนวระนาบ
X,Y
· Fillet เป็นการสร้างสี่เหลี่ยมผืนผ้ามนมุม 2 มุม โดยกำหนดระยะรัศมีของมุมมนได้ ตาม
ต้องการ
·
Thickness เป็นการสร้างสี่เหลี่ยมผืนผ้าของภาพ
3 มิติ สามารถกำหนดความหนาของสี่เหลี่ยมได้
ตัวอย่างที่ 4.6 การสร้างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เริ่มต้นที่ตำแหน่ง X,Y = 2,2 และมีขนาดเท่ากับ 5,3 หน่วยขั้นตอนมีดังนี้ดังนี้
1.
เลือกเมนู Draw/ Rectangle หรือเรียกจาก Toolbar
2.
ที่ Command
Windows ป้อนค่าพิกัดมุมที่
1 ของสี่เหลี่ยม เช่นเท่ากับ 2,2 กด
<Enter>
3.
ที่ Command
Windows ป้อนค่าพิกัดมุมตรงข้ามเป็นโคออร์ดิเนตแบบ
Relative เช่นเท่า
กับ 3 , 5 กด <Enter> จะได้สี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง-ยาว เท่ากับ 5 x 3 โดยเริ่มต้นที่จุด X = 2
และ
Y = 2
|
ตัวอย่างที่ 4.7 การสร้างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมตัด เริ่มต้นที่ตำแหน่ง X,Y = 2,2 และมีขนาดเท่ากับ 5,3 หน่วย และให้มุมตัดมีขนาด 1
หน่วย
ขั้นตอนมีดังนี้ดังนี้
ขั้นตอนมีดังนี้ดังนี้
1.
เลือกเมนู Draw/ Rectangle/ Chamfer หรือเรียกจาก Toolbar
2.
ที่ Command
Windows เลือก C
กด <Enter>
3.
ป้อนค่าพิกัดมุมที่ 1 ของสี่เหลี่ยม
เช่นเท่ากับ 2,2 กด <Enter>
4.
ป้อนค่าความยาวของด้านที่ตัดด้านที่ 1 กด<Enter>
5.
ป้อนค่าความยาวของด้านที่ตัดด้านที่ 1 กด<Enter>(สามารถกำหนดไม่เท่ากันได้)
6.
ที่ Command
Windows ป้อนค่าพิกัดมุมที่
1 ของสี่เหลี่ยม เช่นเท่ากับ 2,2 กด
<Enter>
7.
ที่ Command
Windows ป้อนค่าพิกัดมุมตรงข้ามเป็นโคออร์ดิเนตแบบ
Relative เช่น
เท่ากับ @3 , 5
กด <Enter> จะได้สี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมตัด
กว้าง-ยาว เท่ากับ 5 x 3 โดยเริ่มต้นที่จุด
X
= 2 และ Y= 2 และมีมุมตัดทั้ง 4 ด้าน เท่ากับ 1
|
ตัวอย่างที่
4.8 การสร้างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มนมุม เริ่มต้นที่ตำแหน่ง X,Y = 2,2 และมีขนาดเท่ากับ 5,3 หน่วย และให้รัศมีมุม มีขนาด 1
หน่วย และเส้นมีความหนา 0.
1 ขั้นตอนมีดังนี้
1.
เลือกเมนู Draw/ Rectangle/ Filet หรือเรียกจาก Toolbar
2.
ที่ Command
Windows เลือก F กด <Enter>
3.
ป้อนค่าพิกัดมุมที่ 1 ของสี่เหลี่ยม
เช่นเท่ากับ 2,2 กด <Enter>
4.
ป้อนค่ารัศมีเท่ากับ 1 กด<Enter>
5.
พิมพ์ W เพื่อเลือกความหนาของเส้น
6.
กำหนดความหนาของเส้นเท่ากับ 0.1กด
<Enter>
7.
ที่ Command
Windows ป้อนค่าพิกัดมุมที่
1 ของสี่เหลี่ยม เช่นเท่ากับ 2,2 กด
<Enter>
8.
ที่ Command
Windows ป้อนค่าพิกัดมุมตรงข้ามเป็นโคออร์ดิเนตแบบ
Relative เช่นเท่า
กับ@ 3 , 5
กด <Enter> จะได้สี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมตัด
กว้าง-ยาว เท่ากับ 5 x 3 โดยเริ่มต้นที่จุด X = 2
และ Y= 2 และมีมุมตัดทั้ง 4 ด้าน เท่ากับ 1
|
1.2
คำสั่ง Polygon (รูปหลายเลี่ยม) ใช้สำหรับเขียนรูปที่มีหลายเหลี่ยมมีขนาดมุมและ
ความยาวแต่ละด้านมีขนาดเท่ากัน
การเขียนรูปหลายเหลี่ยมนั้นมีพื้นฐานมาจากรูปวงกลม
แต่ก็สามารถเขียนด้วยการกำหนดด้วยด้านได้เช่นกัน การเข้าสู่คำสั่ง Polygon สามารถเข้าดังนี้
ตารางที่ 4.6 การเข้าสู่คำสั่ง Polygon
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
|
Drawn > Polygon
|
Pol/ Polygon
|
-
|
การสร้างรูปหลายเหลี่ยมด้วยคำสั่ง
Polygon มีรูปแบบที่ใช้ในการสร้าง 3
วิธีดังนี้
· Inscribed :
เป็นการเขียนรูปหลายเหลี่ยมด้านเท่าที่อยู่ภายในวงกลม แต่ละด้านของรูปหลายเหลี่ยมเป็นคอร์ดของวงกลมที่มีความยาวเท่ากัน
· Circumscribed : เป็นการเขียนรูปหลายเหลี่ยมที่เขียนอยู่ภายนอกวงกลม
แต่ละด้านของรูปหลายเหลี่ยมเป็นเส้นสัมผัสของวงกลมที่มีความยาวเท่ากัน
·
Edge ; เป็นการเขียนรูปหลายเหลี่ยมที่เขียนด้วยการกำหนดตำแหน่งของจุดเริ่มต้นและ
จุดปลายของด้านใดด้านหนึ่งของรูปหลายเหลี่ยม
ตัวอย่างที่ 4.9 การเขียนรูปหลายเหลี่ยมด้วยคำสั่ง Polygon
ด้วย Inscribed โดยกำหนดจุดกึ่งกลางที่
ตำแหน่ง X, Y =3, 3 มีรัศมี 2 และจำนวนด้าน
7 ด้าน
ขั้นตอนการเขียนรูปมีดังนี้
|
ตัวอย่างที่ 4.10 การเขียนรูปหลายเหลี่ยมด้วยคำสั่ง Polygon ด้วย Circumscribed โดยกำหนด
จุดกึ่งกลางที่
ตำแหน่ง X,Y
=3,3 มีรัศมี 2 และจำนวนด้าน 7 ด้าน
วิธีทำ ขั้นตอนการเขียนรูปมีดังนี้
|
ตัวอย่างที่ 4.11 การเขียนรูปหลายเหลี่ยมด้วยคำสั่ง Polygon ด้วย Edged โดยกำหนดจุดเริ่มต้นของด้าน X,Y =2, 2 ความยาวของด้านเท่ากับ 1 และจำนวนด้าน 7 ด้าน
ขั้นตอนการเขียนรูปมีดังนี้
|
1. Point Style (รูปแบบจุด) ก่อนที่จะใช้คำสั่ง Point เราต้องเลือกรูปแบบของจุดก่อน เนื่องจากตัวโปรแกรมที่กำหนดจุดเป็น
( . ) ซึ่งเมื่อเราใช้คำสั่ง
Point แล้วจะมองไม่เห็น การเลือกรูปแบบของจุด
(Point Style) ได้โดยคำสั่ง Point Style การเข้าสู่ไดอะล็อกบ๊อกซ์
Point Style สามารถเข้าดังนี้
ตารางที่
4.7 การเข้าสู่คำสั่ง Point
Syle
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
-
|
Format >Point Style
|
DDPTYE
|
-
|
การสร้างจุดอาศัยเพียงการกำหนดตำแหน่งเท่านั้นแต่สามารถเลือกกำหนดขนาดของจุดได้
2 แบบคือ
·
Set Size
Relative to Screen : กำหนดขนาดจุดเป็นเปอร์เซนต์ของหน้าจอ
การย่อหรือขยายภาพหน้าจอขณะเขียนแบบทำให้ขนาดของจุดเปลี่ยนแปลงด้วย
·
Set
Size in Absolute Units :
กำหนดขนาดเป็นหน่วยตามที่ตั้งไว้ การย่อหรือขยายภาพจากหน้าจอ
ขณะเขียนแบบไม่เป็นผลต่อขนาดของจุด
|
2. คำสั่ง Point (คำสั่งการกำหนดจุด) การเข้าสู่คำสั่ง Point
ตารางที่
4.8 การเข้าสู่คำสั่ง Point
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
-
|
Drawn >Point
|
Point
|
-
|
เมื่อเข้าสู่คำสั่ง
Point แล้วสามารถเลือกวิธีการสร้างจุดในเมนูย่อย ซึ่งมี 4 ดังนี้
· Single Points : สามารถกำหนดตำแหน่งของจุดได้เพียง
1 ครั้งต่อ 1 คำสั่ง
·
Multiple point : สามารถกำหนดตำแหน่งของจุดได้หลายตำแหน่งอย่างต่อเนื่องต่อ
1 คำสั่ง
· Divide : เป็นการสร้างจุดบนชิ้นงานที่เลือกและแบ่งเป็นส่วน ส่วนละเท่าๆกัน
โดยกำหนดจำนวนส่วนที่ต้องการให้แบ่ง
· Measure : เป็นการสร้างจุดบนชิ้นงานที่เลือกและแบ่งเป็นส่วน โดยกำหนด
ความยาวที่ต้องการให้แบ่ง เศษความยาวที่เหลือจากการแบ่งจะอยู่ที่ส่วนปลาย
|
การใช้คำสั่ง Divide
คำสั่ง Divide เป็นคำสั่งที่ใช้ในการแบ่งส่วนต่าง
ๆ ของ เส้นตรง เส้นCurve วงกลม และส่วนโค้งกระทำดังนี้
ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้คำสั่ง Divide
การใช้คำสั่ง Measure :
เป็นการสร้างจุดบนชิ้นงานที่เลือกและแบ่งเป็นส่วน โดยกำหนดความยาวที่ต้องการ
ให้แบ่ง เศษความยาวที่เหลือจากการแบ่งจะอยู่ที่ส่วนปลาย
สามารถสร้างชิ้นงานดังนี้
ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้คำสั่ง measure
1. Hatch คือคำสั่งการเขียนลวดลายภาพตัด (Section Line) ด้วยรูปแบบลวดลายต่าง ๆ
ภาพที่
4.34 แสดงรูปตัดของชิ้นส่วนที่ใช้ลวดลายประกอบ
(การ Hatch แบบนี้ต้องมีขอบเขต)
|
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งอื่นที่เกี่ยวข้องในการสร้างเส้นลายตัด
การใช้เส้นลายตัดในแต่ละแบบย่อมขึ้นอยู่กับความแตกต่างของวัสดุแต่ละชนิด ซึ่งจะตอบสนองการใช้งาน ซึ่งอ้างอิงตามมาตรฐาน
ANSI
(American National Standard
Institute) และ ISO (International Organization
of Standardization)
รูปแบบของลาย Hatch and Gradient ที่โปรแกรมตั้งให้มามีทั้งหมด
4 ชุด โดยดูจากช่อง Pattern
ของไดอะล็อกบ็อกซ์ Hatch and Gradient
1. แบบ ANSI (American
National Standard Institute)
มี 8 รูปแบบ
|
2. แบบ ISO มี 14 รูปแบบ
|
3. แบบ Other Predefined ISO มี 47 รูปแบบ
|
|
|
ตารางที่
4.9 การเข้าสู่คำสั่ง HATCH แบบมีขอบเขต
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
|
Drawn > HATCH
|
HATCH
|
-
|
หลังจากคำไปในคำสั่ง
HATCH
จะได้ไดอะล็อกบ็อกซ์ ของ HATCH
|
ส่วนประกอบใน HATCH Tap ประกอบด้วย
1.
Type
: กำหนดรูปแบบของ Pattern ในการสร้างเส้นลายตัด
ซึ่งประกอบด้วย
Ø Predefined : เป็นการเลือกเส้นลายตัดที่มีอยู่แล้ว สามารถเลือกได้ 2 ทางคือ
ทางแรกที่
Patternจะมี ให้คลิกเพื่อเลือกเส้นลายตัดที่ต้องการใช้งานจากไดอะล็อกบ็อกซ์
Hatch Pattern
หรือคลิกที่ Drop-down list เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบใน Pattern
|
Ø User-definded : เป็นเส้นลวดลายตัดเป็นเส้นตัดที่เป็นเส้นตรงตามธรรมดาที่สามารถกำหนดค่าของมุม
(Angle) และระยะห่าง (Spacing) ได้จากไดอะล็อกบ็อกซ์
Boundary Hatch
Ø Custom : เป็นเส้นลายตัดที่สร้างขึ้นมาเองแล้วเก็บไว้เป็นไฟล์ที่
.pat และเก็บไว้ใน ACAD.pat
2.
Patten :ใช้สำหรับเลือกรูปแบบของเส้นลายตัดโดยคลิกที่ หรือ Drop-down
list
เพื่อกำหนดรูปแบบ
3. Swatch : เป็นช่องสำหรับแสดงตัวอย่างเส้นลายตัดที่เลือกและกำหนดค่าไว้เพื่อใช้
ประกอบ
การพิจารณาในการเลือกลายตัด
4.
Angle:ใช้ในการปรับมุมลาดเอียงของเส้นลายตัด ด้วยการคลิกเลือกขนาดของมุม
ที่ Drop-down
list
5. Scale : เป็น Factor สำหรับย่อหรือขยายขนาดเส้นลายตัดให้มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่
ที่กำหนดไว้สำหรับเขียนเส้นลายตัด เลือกได้จากการคลิกที่ Drop-down list เพื่อกำหนดค่า
6. Relative
to paper Space : เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการกำหนดความสัมพันธ์
7. Spacing
:ใช้ในการกำหนดระยะห่างระหว่างเส้นของเส้นตัดเมื่อกำหนด Type เป็น
User-defined
8. ISO Pen Wide : เมื่อกำหนด Pattern เป็น ISO
Pattern จะต้องกำหนดความหนาของปากกา
ในการเขียนเส้นลายตัดที่เป็น ISO Pattern
รูปแบบในการเลือกพื้นที่
สำหรับส่วนประกอบในส่วนนี้มี 6 ข้อ
ในที่นี้ะขอกล่าวเป็นเพียงบางส่วนที่ใช้งานดังนี้
9. เป็นการกำหนดจุดพื้นที่สำหรับสร้างเส้นลายตัดโดยให้ AutoCAD
ทำการค้นหาเส้นขอบเขตปิดของพื้นที่โดยอัตโนมัติเอง
โดยจะต้องเลือกคลิกพื้นที่ที่ต้องการเพื่อ
เป็นจุดที่อยู่ภายในขอบเขตของพื้นที่สำหรับลงเส้น
|
10. เป็นการกำหนดขอบเขตของพื้นที่ที่ต้องการสร้างเส้นลายตัด
โดยผู้ใช้เป็นผู้กำหนดเอง ขอบเขตที่กำหนดต้องเป็นขอบเขตปิด
|
11
Associative/Non associative : หากมีการเปลี่ยนแปลงขนาดขอบเขตด้วยการ ใช้คำสั่ง Stretch เมื่อมีกาiใช้คำสั่ง
Associative จะทำให้ลายตัดที่สร้างจาก Hatch นั้นเปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ถ้า
ใช้ Non associative เส้นลายตัดก็จะไม่เปลี่ยนแปลงดังภาพที่ 4.42
|
ส่วนประกอบใน Advanced Tap
ประกอบด้วยมีหลายข้อในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะในส่วนที่ใช้บ่อยดังนี้
|
1.
Island detection style : เป็นส่วนใช้กำหนดการเขียนเส้นลายตัด เมื่อพื้นที่ภายในขอบเขตที่กำหนดที่ AutoCAD พบ มีตัวอักษร (Text) หรือพื้นที่ปิดอื่น (Island ) ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้มีผลต่อการเขียนเส้นลายตัด สามารถกำหนดการเขียนได้ 3 รูปแบบดังนี้
Ø Normal : เป็นรูปแบบที่
AutoCAD ตั้งค่าไว้ก่อนแล้ว
เส้นลายตัดที่เขียนด้วยรูปแบบ Normal
จะเริ่มเขียนภายในขอบเขตแรกก่อนแล้วยกเว้นภายในพื้นที่ปิดทั้งสองและเส้นลายตัดจะถูกเขียนขึ้นอีกครั้งภายในพื้นที่ปิดที่อยู่ถัดออกไปอีก
เป็นเช่นนี้สลับไปเรื่อย ๆ
Ø Outer : เป็นรูปแบบที่กำหนดการเขียนเส้นลายตัดเฉพาะขอบเขตพื้นที่ปิดที่อยู่ด้านนอกสุด
สำหรับพื้นที่ปิดภายในจะถูกยกเว้นเส้นลายตัด
Ø Ignore : เป็นรูปแบบที่กำหนดการเขียนเส้นลายตัดให้มีการเขียนโดยคำนึงถึงเฉพาะขอบเขต
พื้นที่ปิดภายนอกเท่านั้น
ส่วนพื้นที่ปิดรวมทั้งตัวอักษรก็ไม่คำนึงถึงโดยถูกเส้นลายตัดเขียนทับ
|
2.
Object Type : เป็นส่วนที่ใช้ในการสร้าง
Polyline หรือ Region
จากพื้นที่ขอบเขตที่เลือกไว้ด้วยรูปแบบ
ตัวอย่างที่ 4.9 การ Hatch
แบบไม่มีขอบเขต
วิธีทำ
|
3.
คำสั่ง Hatch edit เป็นคำสั่งที่ใช้ในการแก้ไขลวดลาย ลวดลายที่ได้สร้างขึ้นมาแล้ว
สามารถเปลี่ยนแบบได้ด้วยการใช้คำสั่ง Hatch Edit วิธีเข้าคำสั่ง Hatch Edit จะได้
ไดอะล็อกบ็อกซ์
Hatch เกิดขึ้นมา
|
หรือใช้เมาส์คลิกเลือกภาพที่ที่ต้องการแก้ไขจะมี Pop menu เกิดขึ้นมาเลือก Hatch Edit ตามรูป และเมื่อเลือก
Hatch Edit แล้วจะเกิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Hatch ทำการเลือกลวดลายที่ต้องการเสร็จแล้วกด
OK
|
3.
การแก้ไขลวดลายโดยใช้คำสั่ง Explode
ลวดลายที่เขียนขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นแบบไหน
จะมีลักษณะเป็นวัตถุชิ้นเดียวเราสามารถแยกเส้นเป็นชิ้นๆ ด้วยคำสั่ง EXPLODE
หลังจากนั้นเราอาจจะแก้ไขอย่างใดก็ได้ ดังตัวอย่างใน
ภาพที่ 4.46
ภาพที่ ก. เขียนลวดลายโดยใช้คำสั่ง Hatch Edit
ภาพ
ข.หลังจากใช้คำสั่ง
Explodeแล้วสามารถขลิบได้
ภาพที่ ก. เขียนลวดลายโดยใช้คำสั่ง Hatch Edit
|
ภาพ
ข.หลังจากใช้คำสั่ง
Explodeแล้วสามารถขลิบได้
|
|
หมายเหตุ
เนื่องจากรายละเอียดของคำสั่งในกลุ่มนี้
มีค่อนข้างมาก จึง จะกล่าวเฉพาะที่ใช้งานจริงเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น
ส่วนละเอียดทั้งหมดจะกล่าวในบทต่อ ๆ ไป
1. Zoom เป็นคำสั่งโปร่งใสการซูมคือการเปลี่ยนขนาดของมุมมอง โดยที่วัตถุ ไม่ได้
เปลี่ยนขนาดแต่อย่างใด มุมมองการซูมมีอยู่หลายรูปแบบ
ตารางที่
4.10 การเข้าสู่คำสั่ง Zoom
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
|
View> Zoom
|
Zoom หรือ Z
|
-
|
การเข้าไปในคำสั่ง Zoom จะมีทางเลือกมากมายตามรูป
แต่ในที่จะขอกล่าวเฉพาะในส่วนที่ใช้งานมากเท่านั้น
|
1)
Zoom In และ Zoom Out
การ Zoom In คือการขยายมุมมองของแบบทั้งแผ่นให้ใหญ่ขึ้นเป็น
2 เท่า และการ Zoom out หรือการย่อมุมมองให้เล็กลงครึ่งหนึ่ง ทำดังนี้
§
ใช้เมนู
View/Zoom/in แบบทั้งแผ่นจะใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่า
§
ใช้เมนู
View/Zoom/Out แบบทั้งแผ่นจะเล็กคงครึ่งหนึ่ง
2) Zoom Window
เป็นการตีกรอบรอบบริเวณที่ต้องการ
มุมล่างซ้ายของกรอบจะ
เป็นมุมล่างซ้ายของแบบใหม่ที่ขยายมุมมองออกไปแล้ว การซูมแบบนี้ ทำดังนี้
§
ใช้เมนู View/Zoom/Window หรือเลือกเครื่องมือ หรือพิมพ์ Z ดังนี้
|
3) ZOOM all เป็นการซูมดูรูปทั้งหมดที่เขียนในแบบ
ถ้ารูปทั้งหมดอยู่ในขอบเขตของ
แบบ (Limits)
จะเป็นมุมมองทั้งหมดในขอบเขตนั้น
2. กลุ่มคำสั่งการลบวัตถุ
Ø Erase เป็นคำสั่งที่ใช้ลบชิ้นส่วนที่ไม่ต้องการออกทิ้งไป เราสามารถเลือกวัตถุทีละชิ้นหรือเป็นกลุ่มก็ได้ เรียกคำสั่งจากเมนู Modify/Erase หรือเรียกจาก
Toolbar
Ø Undo/ Redo
Undo คือคำสั่งที่ย้อนคำสั่งเดิมที่ทำไว้แล้ว เรียกคำสั่งจากเมนู Edit /Undo หรือเรียกจาก
Toolbar
Redo คือการยกเลิกคำสั่ง
Undo ในครั้งที่ผ่านมา จะใช้งานตรงกันข้ามกับ Undo
Ø ลบโดยใช้การตัดไปไว้ที่
Chipboard โดยเลือกวัตถุก่อนและเลือก
Toolbar
3. คำสั่ง Trim (การตัดวัตถุ)
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการตัดเฉพาะส่วนที่ไม่ต้องการ โดยกำหนดขอบเขตของเส้นที่ต้องการ
ตารางที่
4.11 การเข้าสู่คำสั่ง Trim
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
|
Modify > Trim
|
Trim
|
-
|
เมื่อเข้าสู่คำสั่ง
Trim แล้วจะปรากฎคำสั่งย่อยในการใช้งานให้มีรูปแบบมากขึ้น
ประกอบด้วย
Ø Project : ใช้ในการกำหนดสถานะของภาพที่ต้องการตัดในระบบ 3 มิตื
Ø Edge : ใช้ในการตัดเส้นภายในขอบเขต มีการกำหนดขอบเขต 2 วิธี
-
Extend
: ให้กำหนดขอบเขตแนวตัดด้วยการสมมุติ โดยขอบเขตจะไม่ชนกับเส้นที่ต้องการตัด
-
No
extend : ให้ยืดขยายเส้นที่เลือกต่อไปยังขอบเขตจริงที่กำหนดขึ้นในแนวเดียวกับเส้นที่เลือก
-
Undo
: ใช้ในการยกเลิกการทำงานของคำสั่ง Extend ครั้งที่ผ่านมา
|
4. คำสั่ง Text คือคำสั่งที่ใช้เขียนตัวอักษร
มีลักษณะการเขียน 2 รูปแบบคือ Mtext และ
Single line Text
ตารางที่
4.12 การเข้าสู่คำสั่ง Text
Toolbar
|
Pull-down Menu
|
Command
Line
|
Shortcut
|
/
|
Drawn > Text
|
Mt/t
|
-
|
Mtext ใช้เขียนข้อความหลายบรรทัด
Single
Text คำสั่งที่ใช้เขียนตัวอักษรทีละ
1 บรรทัด
************************************************************
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น